Home > News and politics > “ฝ่ายค้าน”ที่น่ากลัวกว่า, สรกล อดุลยานนท์

“ฝ่ายค้าน”ที่น่ากลัวกว่า, สรกล อดุลยานนท์

“ฝ่ายค้าน”ที่น่ากลัวกว่า

โดย สรกล อดุลยานนท์

ฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้านแล้ว ต้องยอมรับเลยว่า “ประชาธิปัตย์” เหนือชั้นจริงๆ ในเรื่องการตอบโต้ในสภาผู้แทนราษฎร

โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย

ถือเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวที่ลอกเลียนแบบได้ยาก

กลยุทธ์ที่ใช้ประจำก็คือ เริ่มต้นด้วยการ “ดิสเครดิต”

ทำลาย “ความน่าเชื่อถือ” ของ ส.ส.ฝ่ายค้านที่อภิปราย

หยิบเรื่องเล็กๆ ที่เห็นชัดว่า “ฝ่ายค้าน” ผิดพลาดมาเริ่มต้นก่อน

ปูพื้นความผิดพลาด 2-3 เรื่อง เพื่อให้คนฟังรู้สึกว่าคนพูดไม่น่าเชื่อถือ

จากนั้นจึงเลือกตอบในประเด็นที่ได้เปรียบ

ชวนทะเลาะในเรื่องที่ตัวเองได้เปรียบ

ส่วนเรื่องที่เสียเปรียบก็จะหลีกเลี่ยง หรือเลือกมุมที่จะตอบ

เป็นลีลาเหมือนกับ “นักมวย” ที่พลิกออกจากมุม

ตัวอย่างที่ดีที่สุด คือ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” และ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”

มีคนบอกว่านี่คือการประยุกต์เทคนิคของ “ทนายความ” และ “นักโต้วาที” มาผสมผสานกันจนกลายเป็น “นวัตกรรม” ของ “ประชาธิปัตย์”

ไม่เชื่อลองสังเกตดูสิครับ

การอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภานั้นตัดสินกันด้วยการยกมือของ ส.ส

ฝ่ายไหนได้มากกว่าก็ชนะ

ที่ผ่านมาการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เกมจะจบลงแค่ในสภา

แต่การอภิปรายครั้งนี้มี 2 ยกครับ เพราะ “อภิสิทธิ์” ประกาศแล้วว่าจะยุบสภาภายในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคมนี้

หรืออีกไม่เกิน 50 วันนับจากนี้

ยกแรก คือ ในสภา “อภิสิทธิ์” อาจชนะ

แต่ “สนามเลือกตั้ง” ซึ่งเป็น “ยกที่สอง” บอกได้เลยว่า ไม่แน่ !!

เพราะคนตัดสินคือ “ประชาชน”

ช่วง 50 วันนับจากนี้ ไม่มีใครรู้ว่ารัฐบาลต้องเผชิญกับอะไรบ้าง

เรื่องปัญหาความขัดแย้งกับกัมพูชา ที่เงียบๆ ไปนั้น

เดี๋ยวก็ผุดขึ้นมาอีกครั้งแน่นอน

เพราะตัวเร่งปฏิกิริยาอย่าง “กลุ่มพันธมิตร” ยังชุมนุมอยู่

หรือเรื่องวิกฤตการณ์สึนามิและโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นซึ่งน่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

และประเทศไทยก็คงไม่พ้นจากวิกฤตการณ์นี้

แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ เรื่องปัญหาเศรษฐกิจ

เสียงบ่นในสภาจบแล้ว

แต่เสียงบ่นของประชาชนยังไม่จบ

ข่าวเรื่อง “ของแพง” จะกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้จะแรงขึ้น

เพราะนอกจากสินค้าจำนวนมากที่ขยับตัวขึ้นไปแล้ว

ยังมีสินค้าอีกหลายตัวที่รอคิวขึ้นราคา

นี่คือ เรื่องใหญ่ที่สุดของรัฐบาล “อภิสิทธิ์”

เพราะคนที่บ่นเรื่องนี้คือ “แม่บ้าน”

ออกไปนอกบ้าน เสียงของ “แม่บ้าน” อาจไม่ดัง

แต่ในบ้าน เสียงของ “แม่บ้าน” ดังที่สุด

เรื่องของแพงนั้น ในสภาอาจใช้ “วาทศิลป์” แก้ปัญหาได้

แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง “วาทศิลป์” ช่วยอะไรไม่ได้

เพราะชาวบ้านเดือดร้อนจริง

เงินออกจากกระเป๋าเพิ่มขึ้นจริง

ในแวดวงการเมืองเขาจึงว่าพรรคฝ่ายค้านในสภาที่ชื่อว่า “เพื่อไทย” นั้นไม่น่ากลัวเท่ากับพรรคฝ่ายค้านนอกสภา

ที่ชื่อว่า “ความจริง”

(ที่มา คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 19 มีนาคม 2554)

มติชน, 20 มีนาคม 2554

  1. No comments yet.
  1. No trackbacks yet.

Leave a comment